Loading...

ร่วมต้านกม.คอมพ์ นศ.ล่าชื่อ ยื่นสนช.-จี้ยกเลิก ลุยกดดันข้ามปี!

loading...

 

ร่วมต้านกม.คอมพ์ นศ.ล่าชื่อ ยื่นสนช.-จี้ยกเลิก

ลุยกดดันข้ามปี พท.-ปชป.หนุน รบ.เปิดเวทีคุย หวั่นกระทบศก. ทบ.ยันแฮ็กเว็บ ข้อมูลลับไม่รั่ว

ต้านพ.ร.บ. คอม พิวเตอร์ขยายวง นักศึกษาจัดกิจกรรมล่ารายชื่อยื่นจี้สนช.ยกเลิก “องอาจ”ชี้ชะลอบังคับใช้ ต้องออกคำสั่ง ม.44 เพื่อไทย-ปชป.แนะรัฐบาลเปิดเวทีพูดคุยกลุ่มต้าน ต้องมองมิติเศรษฐกิจ-สิทธิเสรีภาพด้วย ศูนย์ไซเบอร์ ทบ.ยันเว็บกองทัพภาคที่ 2 ถูกแฮ็ก ไม่มีความลับสำคัญรั่วไหล ที่ได้ไปแค่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ สนช.ปัดนัดประชุมวาระพิเศษปลายปี มติ ป.ป.ช.ตีตกคดีสนามฟุตซอลฉาวที่สุโขทัย

ทบ.แจงเว็บกองทัพภาคที่ 2 ถูกแฮ็ก

วันที่ 24 ธ.ค. พล.ต.ฤทธี อินทราวุธ ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์ กองทัพบก (ศซบ.ทบ.) กล่าวกรณีเว็บไซต์กองทัพภาคที่ 2 ถูกแฮ็กข้อมูลว่า เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ เปิดบริการ Directory browsing ที่เซิร์ฟเวอร์ เพื่อใช้งาน และเป็นจังหวะที่กลุ่มแฮ็กเกอร์ ดังกล่าวมาตรวจเจอช่องโหว่จึงสามารถเห็นไฟล์ Application และดึงข้อมูลออกมาแสดงตามที่เป็นข่าว ซึ่ง ศซบ.ทบ.ได้มีการดำเนินการตรวจสอบช่องโหว่ของเว็บและ Application ของหน่วยต่างๆ ที่นำมาใช้งาน และ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบระมัดระวัง และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าข้อมูลที่ถูกนำมาเผยแพร่น่าจะเป็นการแฮ็กข้อมูลดังกล่าวไว้ล่วงหน้า ก่อนวันที่ได้มีการประกาศโจมตีเว็บไซต์หน่วยงานราชการ

ได้แค่ข้อมูลประชาสัมพันธ์

พล.ต.ฤทธีกล่าวว่า ทาง ศซบ.ทบ.ได้แจ้งเตือนการโจมตีของกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่จะเข้ามาโจมตีระบบและเว็บไซต์ไปทันทีที่ทราบข่าวว่าจะมีการเข้ามาโจมตี สำหรับเว็บประชา สัมพันธ์ของหน่วยต่างๆ ส่วนใหญ่ที่ถูกตรวจพบช่องโหว่และเป็นจุดอ่อนในการเข้ามาโจมตี มักใช้โปรแกรม CMS เช่น Joomla, Atomy Maxsite, WordPress หรือเขียนพัฒนาขึ้นมาใช้งานเอง และเว็บดังกล่าวเป็นเพียงเว็บประชาสัมพันธ์ข้อมูลสาธารณะของหน่วยที่จดชื่อโดเมนนอกกองทัพบก ไม่ได้เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของกองทัพบก และไม่ได้มีข้อมูลอะไรเป็นความลับของทางราชการแต่อย่างใด

“เว็บไซต์ของทัพภาค 2 เป็นเว็บที่พัฒนาโดยกำลังพลของหน่วยเอง อาจจะขาดประสบการณ์การพัฒนา และขาดทักษะความรู้ด้านการรักษาความปลอดภัยของการเขียนโปรแกรม Application ทั้งนี้ ศซบ.ทบ.จะได้เร่งดำเนินการพัฒนาความรู้ความเข้าใจกับกำลังพลของหน่วยให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพราะเรามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเว็บของหน่วยอยู่แล้ว” ผอ.ศซบ.ทบ.กล่าว

พท.ชี้อย่ามองมิติด้านมั่นคงเท่านั้น

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการ กระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ว่า ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณา ผ่านร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ จนมีการแสดงความเห็นคัดค้านของผู้ไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมากถึง 500,000 ราย เรียกร้องให้รัฐไตร่ตรองและทบทวนใหม่ และการคัดค้านมีท่าทีที่จะขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเห็นและข้อกังวลว่าจะเกิดผลเสียหายในทางเศรษฐกิจและมีผล กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลได้

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ความเห็นและข้อห่วงใยของตนต่อประเด็นดังกล่าวแม้จะเห็นว่าประเทศมีความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงระเบียบกฎเกณฑ์เพื่อเตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอาชญากรรมและความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ อันเป็นการมองในมิติความมั่นคงแห่งรัฐ แต่ก็ต้องพิจารณาให้รอบด้านถึงผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ อันเป็นเงื่อนไขสำคัญของวิถีสังคมในโลกยุคใหม่ ปัจจุบันความจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศภายใต้บริบทของโลกยุคดิจิตอลและเทคโนโลยีกำลังเป็นสิ่งสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศ ที่แข่งขันกันในระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม การเปิดกลไกการสื่อสารที่กว้างขวางเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับในกติกาสากลที่คนทั้งโลกกำลังจับตามอง

ต้องโปร่งใส ถ่วงดุล

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ดังนั้น สิ่งที่รัฐไทยพึงกระทำในปัจจุบันคือการสร้างสรรค์กฎ กติกา ที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เชื่อมโยงกับระบบเครือข่าย เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากกว่า ความห่วงใยของรัฐในการเฝ้าระวัง การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์อันเป็นความเสี่ยงในโลกยุคใหม่ เป็นแนวคิดที่ต้องพิจารณาหลายมิติควบคู่กัน เพราะการออกกฎควบคุมและการแทรกแซงโดยความเห็นชอบของรัฐอาจทำให้เกิดการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ถึงขั้นเลือกปฏิบัติและนำไปสู่การสร้างความหวาดระแวง ความไม่มั่นใจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนทั่วไป ที่สำคัญอาจทำให้เกิดเงื่อนไขใช้อำนาจในการคุกคามละเมิดสิทธิประชาชนกลุ่มต่างๆ รวมถึงวงการสื่อสารมวลชนอย่างกว้างขวาง ย่อมนำไปสู่การสร้างกำแพงปิดกั้นการแสดงออกโดยบริสุทธิ์ใจอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์

นายภูมิธรรมระบุว่า สถานการณ์ที่มุ่งใช้อำนาจควบคุมจะทำให้รัฐไทยมีภาพลักษณ์ของการใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสม นำไปสู่อุปสรรคที่ประเทศจะไม่ได้รับการยอมรับ จากรัฐประชาธิปไตย และอาจก่อปัญหา ความขัดแย้งกับประชาชนในประเทศของตนเอง แม้ว่าความเป็นจริงของโลกยุคใหม่ จะมีความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ แต่การกระทำ ของรัฐยิ่งต้องแสดงในสังคมโลกและประชา ชนของตนเองเห็นว่ารัฐมีความเป็นธรรม ยึดมั่นในหลักนิติธรรม ที่เคารพสิทธิ เสรีภาพของประชาชนทุกคน ผู้กระทำผิดกฎหมายสามารถผ่านกระบวนการยุติธรรมที่เชื่อถือได้ โปร่งใสและตรวจสอบถ่วงดุลได้

แนะเปิดช่องให้ฟ้องกลับได้ด้วย

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่สำคัญรัฐต้องยินยอมให้ผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมาย ดังกล่าวสามารถฟ้องร้องกลับตามกระบวน การยุติธรรม ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ควรมีตามรัฐธรรมนูญและตามหลักที่นานาอารย ประเทศยอมรับ กฎหมายคอมพิวเตอร์ต้อง ไม่มองมิติเรื่องความมั่นคงในทัศนะของผู้มีอำนาจเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องคำนึงถึงผล กระทบด้านลบทางเศรษฐกิจของประเทศ และมิติที่เกี่ยวข้องกับการเคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างจริงจัง ควรเปิดใจ ให้กว้าง อย่ามองข้อกังวลใจและความห่วงใยของประชาชนกว่า 500,000 คนเป็นเจตนาร้าย เพราะทุกคนก็รักประเทศและอยากเห็นประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า

นักลงทุนระแวง-ไทยเสียโอกาส

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การสื่อสารของกลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงเกิลเกตเวย์กับข้อมูลของผู้ถืออำนาจรัฐดูจะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ฝ่ายต่อต้านอ้างว่าสามารถปฏิบัติการได้สัมฤทธิผลและยกระดับมุ่งเป้าโจมตีระบบออนไลน์ของหน่วยงานรัฐสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ฝ่ายอำนาจรัฐบอกว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่นอกจากคนในประเทศจะ เฝ้ามอง ต่างประเทศก็จับตาว่าเรื่องนี้จะเดินต่อและไปจบลงตรงไหน ความจริงดูเป็นการลักลั่นด้านนโยบายของรัฐบาล คสช.ที่บอกว่าเน้นไทยแลนด์ 4.0 เดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตอล แต่กลับเปิดประเด็นที่ทำให้สังคมหวาดระแวงด้วยพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะนักลงทุน ต่างประเทศ ที่กำลังตัดสินใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

นายอนุสรณ์กล่าวว่า สถานการณ์นี้อาจทำให้ต้องคิดหนักกว่าเดิมโดยเฉพาะประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ ประเทศไทยเสียโอกาสมามากแล้วทั้งจากการรัฐประหารไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาสร้างสิ่งกีดขวางเพิ่มเติมในช่วงที่ยากลำบากเช่นนี้

แนะคุยคนรุ่นใหม่

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐ ทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจแทบทุกกระทรวง ใช้งบประมาณแผ่นดินจัดซื้อจัดจ้างทำระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายสื่อสารเป็นเงินจำนวนมากกว่า 30-40 ปีแล้ว แต่ระบบป้องกันภัยและการจัดเก็บรักษา ฐานข้อมูลของแต่ละองค์กรกลับถูกล้วง หรือเจาะลึกเข้าไปถึงได้ ดังนั้น ต้องพิจารณาข้อบกพร่องของระบบ ที่น่าเป็นห่วงก็คือความรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของบุคลากรทางด้านไอทีของภาครัฐในไทยเรา ไม่มีความรู้ที่ทัดเทียมได้กับคนรุ่นใหม่ๆ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องยอมรับว่าภาครัฐตามไม่ได้ไล่ไม่ทันเทคโนโลยี ในยุคนี้และควรรีบหันหน้ามานั่งพูดคุยหารือกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คัดค้าน พ.ร.บ. คอม พิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย สนช. ก็ไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะเสียหน้า เพราะ คสช.แค่สั่งการให้เข้าชื่อกันเพื่อขอแก้ไขและเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปชั่วคราวก่อน จากนั้นจึงเชิญผู้ เห็นต่างเข้าร่วมประชุมหารือแก้ไขกันให้เรียบร้อย เสียก่อน นี่คือ วิธีการง่ายๆในการแก้ปัญหาขอของฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.

เปิดใจเปิดหูรับฟังคนเห็นต่าง

นายอนุสรณ์กล่าวว่า การที่รัฐบาล คสช.ผลักดันเรื่องนี้เข้าใจว่าเน้นในเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก แต่ก็ไม่ควรละเลยหรือมองข้าม ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และการให้ความสำคัญด้านสิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ถ้ารัฐบาล คสช.ตีโจทย์ไม่ผิด จะทราบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แต่เป็นเสียงของประชาชนผู้ที่มีส่วนได้เสียที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้น การเปิดใจ เปิดหูรับฟังเสียงเห็นต่างบ้างบางทีอาจจะเป็นประโยชน์มากกว่าการไม่ฟังเสียงใคร มิฉะนั้นสิ่งที่คาดว่าจะได้จากพ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จะได้ไม่คุ้มเสีย

ปชป.แนะเปิดพูดคุยทำความเข้าใจ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อรัฐมั่นใจว่าสิ่งที่ดำเนินการไปนั้นไม่ไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ก็ควรสร้างความเข้าใจในส่วนนั้นให้มากขึ้น เพราะความเข้าใจผิดกับความไม่เข้าใจในพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อกฎหมายได้ผ่าน สนช.แล้วก็รอที่จะนำขึ้นกราบบังคมทูลประกาศใช้ตามขั้นตอน ดังนั้น รัฐก็ต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น

ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ชะลอการประกาศใช้พ.ร.บ.ดังกล่าวออกไปนั้น นายองอาจ กล่าวว่า การชะลอการประกาศใช้กฎหมายที่ผ่าน สนช.ไปแล้วก็ต้องใช้มาตรา 44 ถ้าชะลอโดยวิธีอื่นก็ไม่แน่ว่าจะใช้วิธีใดได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าก่อนประกาศใช้กฎหมายฝ่ายที่ ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายรัฐควรเปิดเวทีพูดคุยกัน ให้ได้เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายออกไป เพราะมีแค่การตั้งใจพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจทั้งสองฝ่ายเท่านั้น

เมื่อถามว่าตอนนี้ฝ่ายต่อต้านก็เคลื่อนไหวแฮ็กข้อมูลของหน่วยราชการแล้ว นายองอาจกล่าวว่า คิดว่าฝ่ายต่อต้านต้องพยายามอธิบายเหตุผลที่ออกมาเคลื่อนไหวมากกว่าที่จะทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมายหรือก่อให้เกิดปัญหาต่อส่วนร่วม แต่ก็เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น่าจะบานปลายถ้ามีโอกาสได้พูดคุยกัน ก็จะสามารถสร้างความเข้าใจได้มากขึ้น

สนช.ปัดถกแก้รธน.ชั่วคราว

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช. กล่าวถึง กระเเสข่าวลือเรื่องจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวช่วงสิ้นปี 2559 ว่า ขณะนี้ในส่วน สนช.เองยังไม่ได้ยิน ไม่เห็นมีเรื่องดังกล่าว เท่าที่รู้ สนช.มีนัดประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 29 ธ.ค.เป็นนัดสุดท้ายของปี ไม่น่ามีเปิดประชุมนัดพิเศษในปีนี้ ส่วนนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เองก็ยังไม่ได้มี คำสั่งให้เปิดประชุม สนช.นัดพิเศษใดๆ และยังไม่สั่งการให้สมาชิกเตรียมพร้อม หรือสั่งห้ามสมาชิกลาการประชุมไปต่างประเทศ ช่วงนี้ โดย สนช.ทำงานมาทั้งปี ประธาน สนช.อยากให้สมาชิกได้พักผ่อนบ้าง พอผ่านหลังวันที่ 5-6 ม.ค.2560 ไปแล้วค่อยว่า กันใหม่

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ยืนยันเช่นกันว่าขณะนี้ยังไม่มี ไม่ได้ยินเรื่องตามกระเเสข่าวลือดังกล่าว เมื่อถามว่าภายในปีนี้ สนช.จะมีประชุมกฎหมายนัดพิเศษ หรือได้สั่งเตรียมการให้สมาชิกห้ามลาประชุม ไปต่างประเทศหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ตนไม่ได้มีคำสั่งให้สมาชิกห้ามลาประชุมไปต่างประเทศ แต่ได้ให้สมาชิก สนช.ได้หยุดยาวในช่วงปีใหม่ แสดงว่าไม่มีเเน่ๆ ในปีนี้ เพราะหยุดยาวกันเเล้ว ส่วนในปีหน้าจะมีหรือไม่ไม่ทราบ ยังไม่ได้รับเรื่องจึงยังบอกไม่ได้

รบ.แจงปรับครม.ไม่ตั้งคนสนิท

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้สื่อ มวล ชนปรับบทบาทของตน ในยุคที่ประเทศชาติกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปประเทศอย่างยั่งยืน ให้เป็นครูของสังคมเช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้วมากกว่าเป็นเพียงผู้ ให้ข่าวหรือคอยจับผิด ด้วยการกระตุ้นให้ประชาชนพัฒนาความรู้ ความคิด ลดอคติ และความขัดแย้ง และร่วมกันสร้างสรรค์ บ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า นายกฯ ต้องการ ให้ทุกคนในสังคมช่วยกันคิดว่าอยากเห็นสื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารแบบใดที่จะช่วยยกระดับสติปัญญา จิตใจและรายได้ของประชาชน โดยอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องน่าเชื่อถือ และสะท้อนให้สื่อมวลชน ได้รับทราบและเปลี่ยนแปลงตนเอง

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า สื่อมวลชนควรเปิดใจกว้างไม่มองทุกเรื่องเป็นการเมือง ไปเสียทั้งหมด เช่น การที่สื่อนำเสนอข่าว การปรับ ครม.โดยพยายามเชื่อมโยงว่าใครสนิทกับใครก็เป็นเพียงการคาดเดาของสื่อ แต่ในความเป็นจริงการแต่งตั้ง ครม.หรือการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนั้นมีหลายมิติ นายกฯ จึงต้องคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับ

ยันผลงานศูนย์ดำรงธรรม

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นอกจากนี้ การนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์บางฉบับที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในทำนองว่าการแก้ไขปัญหาของศูนย์ดำรงธรรมที่มีผลสำเร็จถึงร้อยละ 98.67 เป็นตัวเลขที่สูงเกินไป ขอเรียนว่าการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมมีระบบแยกเรื่องและส่งต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ โดยเรื่องร้องเรียนใดที่ไม่ซับซ้อนจะเร่งทำทันที

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า แต่หากเรื่องใดเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานก็จะประสานการปฏิบัติให้ครบถ้วนเพื่อลดความซ้ำซ้อน ทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น โดยการประเมินความสำเร็จของการดำเนินงานมีตัวชี้วัดหลายระดับ เนื่องจากศูนย์ดำรงธรรมมีหน้าที่หลายมิติทั้งการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของประชาชน ให้คำปรึกษา บริการข้อมูลข่าวสาร ส่งต่อ และเร่งรัดการดำเนินงานของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้จึงอยากให้สื่อมวลชนได้ศึกษาและตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องก่อนนำเสนอ เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย

น.ศ.ล่าชื่อต้านพรบ.คอมพ์
loading...

เวลา 15.00 น. ลานหน้าห้างจามจุรีสแควร์ บริเวณรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสามย่าน กลุ่ม FIST: Free Internet Society of Thailand จัดกิจกรรม “ใส่เสื้อสีขาวนั่งเล่นโทรศัพท์ มือถือ” แสดงพลังคัดค้านร่างพ.ร.บ. คอม พิวเตอร์ โดยมีกลุ่มนักศึกษา 4 คน สมาชิกกลุ่มดังกล่าวมาทำกิจกรรมตามที่นัดหมาย โดยทั้งหมดใส่เสื้อขาวนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ พร้อมชูป้ายต่อต้านพ.ร.บ.คอมพ์ และ นำบอร์ดและกระดาษโพสต์อิตให้ร่วมเขียนความคิดเห็นถึง สนช. และแสดงความในใจต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.ฉบับนี้ รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมลงชื่อคัดค้านพ.ร.บ. ดังกล่าว โดยใช้สำเนาบัตรประชาชนเขียนยืนยันว่า “ยกเลิกพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” โดยมีประชาชนส่วนหนึ่งเข้าร่วม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 30 นาย ที่มาดูแลรักษาความเรียบร้อย

นายวิกรานต์ จรรยาภรณ์ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม FIST กล่าวว่า กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์วันนี้เป็นการล่ารายชื่อคนที่ไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.คอมพ์ ก่อนหน้านี้ได้มีการเสนอรายชื่อกว่า 3 แสนรายชื่อผ่านเว็บไซต์ change แต่ไม่ได้รับความสนใจและไม่มีการนำเสนอถึงในสภาเลยแม้แต่น้อย กลุ่มจึงเห็นว่าหากนำรายชื่อพร้อมบัตรประชาชนนำเสนอแก่ สนช.อาจจะได้รับความสนใจบ้าง

“สำหรับจำนวนรายชื่อนั้นต้องมีขั้นต่ำ 1,000 รายชื่อ โดยจะนำเสนอรายชื่อแก่ สนช.เพื่อนำไปพิจารณาและยกเลิกตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป หลังจากวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งต่อไปคาดว่าจะจัดอีกครั้งช่วงต้นเดือนม.ค. หรือกลางเดือน และจะเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้อีก” นายวิกรานต์กล่าว และว่า กลุ่ม FIST ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮ็กเกอร์แต่อย่างใด อีกทั้งกลุ่มแฮ็กเกอร์นั้นการกระทำที่ผ่านมาพบว่ ามีวิจารณญาณในการเคลื่อนไหวและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนแต่อย่างใด

ปปช.ตีตกคดีฟุตซอลฉาวสุโขทัย

แหล่งข่าวจากป.ป.ช.เผยว่า กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงการกล่าวหานายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับพวก กรณีการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลให้โรงเรียนสังกัด สพฐ.หลายแห่งทั่วประเทศโดยมิชอบ ป.ป.ช.ได้แยกการทำงานของคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เป็น 2 ชุด ชุดแรกตรวจสอบพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ ชุดที่สองตรวจสอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมหลายสำนวน

ล่าสุดคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติตีตกข้อกล่าวนายชินภัทร กับพวก ในการก่อสร้างสนามฟุตซอลที่โรงเรียนสุโขทัยพิทยาคม จ.สุโขทัย แล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหาได้แก่ นายชินภัทร

นายกิตติพงษ์ พิพัฒน์ศิวพงศ์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 38 นายธีรศักดิ์ คงเจริญ ผอ.โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม บริษัท วิช คอร์ท จำกัด โดยนายดุษฎี สุวรรณพรสกุล และบริษัท บางกอกสปอร์ต ฟลอริ่ง จำกัด โดยน.ส.ระพีพรรณ ตนะทิพย์ และบริษัท ฟินิคส์โพรไวด์เดอร์ จำกัด โดยนายสมชาย ด้วงเปรม คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 8 เสียง ให้ข้อกล่าวหา ตกไป ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการ ไต่สวนฯ ว่าการไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่านายชินภัทร กับพวก ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล

แหล่งข่าวระบุว่า สำหรับการไต่สวนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะอนุ กรรมการไต่สวนฯพบว่าอาจมีอดีตส.ส.พรรคขนาดกลาง และบริษัทเอกชนของเครือญาติของอดีตส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสนามฟุตซอลด้วย 

loading...
ที่มา www.khaosod.co.th
Share on Google Plus

About Khundy

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments:

Post a Comment